วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สูตรขนมโตเกียว ทำขายง่าย รายได้ดี

ขนมอีกชนิดหนึ่งที่ทำง่ายและรายได้ดีคือ ขนมโตเกียว ลักษณะเป็นแผ่นกลมรี ๆ นำมาม้วน เนื้อแป้งนิ่มอร่อย รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งความอร่อยของขนมชนิดนี้หัวใจสำคัญอยู่ที่ไส้ที่จะต้องมีการพลิกแพลงให้ โดนใจลูกค้า และรสชาติของตัวแป้งที่ต้องกลมกล่อมลงตัวกันพอดีกับไส้ และวันนี้ทีมงานของเราได้นำสูตรการทำ-การขายขนมโตเกียว ที่ขายได้-ขายดีมาฝากกัน หลายท่านคงเบื่ออาชีพหรืองานประจำ อาชีพขายขนมโตเกียวจึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจที่อยู่ในใจของใครหลายๆคนเนื่องจากว่า ขนมโตเกียวเป็นขนมที่รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ไม่จุกจิก สามารถทำเองคนเดียวได้ ใช้เงินลงทุนไม่สูง ที่สำคัญกำไรดี เพียงแต่ใส่ใจในกระบวนการผสมแป้ง และคัดแปลงไส้ขนมให้อร่อยน่ารับประทาน รับรองขายได้ตลอด
วัสดุ/อุปกรณ์
ในการทำอาชีพนี้ หลัก ๆ ก็มี เตาแก๊ส, กระทะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า, กะละมัง, เกรียงแซะขนม, ภาชนะสเตนเลสสำหรับใส่ไส้ขนม, ช้อน, ตะกร้อตีไข่, ทัพพีด้ามสั้น, ตะแกรง, ถาด, หม้อ, ถังใส่แป้ง และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่สามารถหยิบฉวยเอาจากในครัวมาใช้ได้
ส่วนผสมตัวแป้ง
แป้งสาลีตราว่าว 1 กิโลกรัม, นมสดคาร์เนชั่น 1 กระป๋อง, น้ำตาลทราย 6 ขีด, ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 10 ฟอง, ผงฟู 30 กรัม, เกลือป่น 10 กรัม, วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ, เนยละลาย 1 ขีด, น้ำเปล่า 1 กิโลกรัม
ขั้นตอนการทำขนมโตเกียว
เริ่มจากนำแป้งสาลีมาร่อนผสมรวมกับผงฟู ร่อน 2 ครั้ง เสร็จแล้วตั้งพักไว้ ตอกไข่ใส่ภาชนะ ตีไข่ให้ขึ้น ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีไข่ต่อไปเรื่อย ๆ ให้ขึ้นฟูเป็นสีขาวนวล ใส่เกลือผสมลงไป จากนั้นให้นำแป้งที่ร่อนเตรียมไว้มาค่อย ๆ ใส่ทีละนิด คนส่วนผสมสลับไปเรื่อย ๆ จนหมด จึงใส่เนยละลายและน้ำลงไป คนนวดให้ส่วนผสมเนียนเข้ากัน ตั้งพักไว้ประมาณ 20 นาที
การเตรียมไส้ขนม
ขนมโตเกียวไส้ครีม จะใช้ นมข้นจืด, แป้งสาลี, แป้งข้าวโพด, ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, เนยสด และวานิลลา ผสมแป้งสาลีกับแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน เทนมสดใส่ลงไป คนให้แป้งละลาย ตอกไข่ใส่ชาม แล้วตีพอเข้ากัน เทไข่ผ่านกระชอนลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย คนให้ละลาย นำส่วนผสมใส่หม้อตุ๋นยกตั้งไฟ คนตลอดเวลาจนส่วนผสมสุกเป็นครีมข้น เหยาะ วานิลลาใส่ไปนิดพอให้มีกลิ่น ยกลงจากเตาตั้งพักไว้ให้เย็น
ขนมโตเกียวไส้สังขยา ใช้ นมข้นจืด, แป้งข้าวโพด, กะทิ, ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยคั้นข้น และเกลือ ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย แล้วทยอยใส่แป้งข้าวโพด คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงใส่นมข้นจืด น้ำใบเตย กะทิ เกลือ คนให้เข้ากันอีกครั้ง ก่อนนำไปกรองเอาเศษออก แล้วนำไปใส่หม้อตุ๋นยกขึ้นตั้งไฟ คนไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลา พอรู้สึกว่าส่วนผสมหนืด ๆ เป็นอันใช้ได้ ยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็น




วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ของขวํญปีใหม่ทำทานได้ทำขายรวย

ใกล้ถึงวันขึ้นปีใหม่มาทุกทีหลายคนยังนึกไม่ออกว่าจะชื้อของขวัญปีใหม่อะไรให้กับญาติทีเคารพ กันดี หลายท่านคงเบื่อกับขนมเค้กเดิมที่มีขายอยู่ทั่วไป วันนื้ทีมงานเราได้นำการทำขนมเค้กที่แปลกใหม่มาฝากอีกเช่นเคย วุ้นเค้กแฟนซีนี่แหละเหมาะที่สุดที่จะนำไปเป็นของขวํญ หรือจะทำขายก็ได้เช่นกัน ขนมแปลกๆหน้าตาสวยๆอย่างนี้รับรองลูกค้าตรึม
การทำวุ้นเค้ก
ส่วนผสม (สำหรับทำวุ้นใส)
1. ผงวุ้น (ควรใช้ตรานางเงือก A เดียว) 3 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาลทรายขาว 2 1/2 ถ้วยตวง
3. ใบเตยหอมสด (ใส่มากๆ ยิ่งดี) 6 ใบ
4. กลิ่นใบเตย (ตราวินเนอร์) 5-10 หยด
5. น้ำเปล่าสะอาด
(ควรใช้น้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำ) 8 ถ้วยตวงส่วนผสม (สำหรับทำวุ้นกะทิ)
1. ผงวุ้น 3 ช้อนโต๊ะ
2. หัวกะทิ(กะทิกล่องพาสเจอไรซ์ ขนาด 1,000 กรัม) 4 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
4. เกลือป่นไทยธรรมดา 2 ช้อนโต๊ะ
5. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่าสะอาด 4 ถ้วยตวง
7. ใบเตยหอมสด 6 ใบ
วิธีทำวุ้นใส
1. นำผงวุ้นที่ตวงแล้วใส่น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง โดยแบ่งมาจาก 8 ถ้วย แช่น้ำไว้นาน 1 ชั่วโมง
2. นำหม้อใส่น้ำเปล่าส่วนที่เหลืออีก 6 ถ้วยตวง
3. ใส่ใบเตยสดที่ล้างสะอาดและตัดใบเตยเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 4 หรือ 5 นิ้ว
4. ตั้งไฟเคี่ยวจนกระทั่งได้กลิ่นใบเตยและตักออกจากหม้อ
5. ใส่วุ้นที่แช่น้ำลงไปคนจนวุ้นละลาย และมีลักษณะหนึบๆ
6. ใส่น้ำตาลทรายขาว และเติมกลิ่นใบเตยประมาณ 5 ถึง 10 หยด แล้วคนจนน้ำตาลละลายยกลง
7. นำกระติกเก็บความร้อน ปูผ้าขาวบางบนปากกระติก และเทวุ้นที่เคี่ยวเสร็จแล้วลงไป เอาผ้าขาวบางออกปิดฝาไว้ก่อนและให้ทำวุ้นกะทิต่อทันที
วิธีทำวุ้นกะทิ
1. นำผงวุ้นที่ตวงแล้วใส่น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง แช่น้ำไว้นาน 1 ชั่วโมง
2. นำหม้อใส่น้ำเปล่าส่วนที่เหลืออีก 3 ถ้วยตวง
3. ใส่ใบเตยสดที่ล้างสะอาดและตัดใบเตยเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 4 หรือ 5 นิ้ว
4. ตั้งไฟเคี่ยวจนกระทั่งได้กลิ่นใบเตยและตักออกจากหม้อ
5. ใส่วุ้นที่แช่น้ำลงไปคนจนวุ้นละลายและมีลักษณะหนึบๆ
6. ใส่น้ำตาลทรายขาว พอน้ำตาลละลายให้ใส่เกลือ และกะทิ แป้งข้าวเจ้า (ต้องเอาน้ำในจำนวน 4 ถ้วย ละลายแป้งก่อน) แล้วจึงใส่ลงไปคนพอสุก อย่าให้กะทิแตกมัน
7. ยกลงจากเตา แล้วเทวุ้นกะทิที่เสร็จแล้วลงไปในกระติกเก็บความร้อนปิดฝาไว้
วิธีการหยอดแบบพิมพ์ : โดยใช้แบบพิมพ์รูปกระดิ่งหรือระฆัง
1. ตักแบ่งวุ้นกะทิจากกระติกเก็บความร้อนใส่ถ้วยตักแบ่งให้พอกับส่วนที่จะหยอด
2. หยอดวุ้นกะทิลงไปในลูกกระดิ่งเพียงเล็กน้อยทั้ง 3 ลูก
3. หยอดวุ้นกะทิลงไปที่ลูกตุ้มกระดิ่งทั้ง 3 ลูก
4. ใช้วุ้นใสผสมสีเขียวเพื่อหยอดใบไม้
5. พอกะทิในลูกกระดิ่งแข็งตัวให้ค่อยๆ หยอดวุ้นใสซึ่งผสมสีตามชอบใส่ลงไปในกระดิ่งทั้ง 3 ลูก
6. หยอดวุ้นใสที่ผสมสีลงไปในส่วนที่เป็นโบว์
7. พอส่วนที่หยอดวุ้นใสแข็งตัวแล้วให้ตักวุ้นใสโดยไม่ต้องผสมสีลงไปปิดลาย (ใช้ทัพพีลึกตักวุ้นใส 2 ทัพพี)
8. พอข้อ (7) เย็น ตักวุ้นกะทิ 3 ทัพพี
9. พอข้อ (8) เย็น ตักวุ้นใส 3 ทัพพี ใส่สีผสมอาหาร 3 หยด คนให้สีละลายแล้วเททับลงบนชั้นกะทิ
10. ทำสลับกันไปจนเต็มแบบพิมพ์ (เขียว ฟ้า ชมพู เหลือง)
11. นำแบบพิมพ์ที่ทำเสร็จแล้วไปแช่เย็น (ต้องรอให้วุ้นเย็นก่อน)
12. แกะวุ้นออกจากแบบพิมพ์โดยใช้ไม้จิ้มฟันแกะข้างๆ วุ้นก็จะหลุดออกจากแบบพิมพ์
หมายเหตุ สูตรนี้เมื่อทำเสร็จจะได้
1. แบบพิมพ์รูปกระดิ่ง 1 อัน
2. แบบพิมพ์รูปปลา 1 อัน
หรือแบบพิมพ์รูปหัวใจถ้วยเล็ก ประมาณ 236 ถ้วย

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สูตรไก่ย่าง3รสลงทุนน้อยกำไรงาม

สูตรไก่ย่าง3รสลงทุนน้อยกำไรงาม
การทำมาหาเงินในปัจจุบัน อาชีพอิสระเป็นอาชีพที่อยู่ในฝันของใครหลายๆคน เนื่องจากไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ไม่ต้องกลัวตกงาน ซึ่งอาชีพอิสระมีมากมายให้เลือกทำกัน เช่น ค้าขาย ปลูกผัก เพาะเห็ด และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าขยันจริงรับรองไม่อดตายอย่างแน่นอน
ไก่ย่างก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจอีกอาชีพหนึ่งไม่แพ้อาชีพอื่นๆที่เคยแนะนำไปแล้ว เนื่องต้นทุนต่ำกำไรงามนั่นเอง
สูตรโครงไก่3รส
โครงไก่ ราคาประมาณกิโลกรัมละ 20 บาท(ได้โครงไก่ประมาณ 3 ตัว) ,ซอสตราภูเขาทองปริมาณ 5 ช้อนชา , กระเทียม10 หัว, พริกไท 30 กรัม, รากผักชี 10 ราก, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ,ผงชูรส 10 กรัม, ผงชูรส 10 กรัม ,รสดี 1 ซอง
ขั้นตอนและวิธีปรุง
1.ล้างโครงไก่ให้สะอาดเสียก่อน
2.สับโครงไก่เป็นชิ้นเล็กๆ โดยคำนวณโครงไก่1โครง ควรเสียบได้ประมาณ 4-5 ไม้หรือโครงไก่จะได้ประมาณ 15 ไม้ขายไม้ละ 5 บาท จะได้เงิน 75 บาท
3.โขลกพริกไท กระเทียม รากผักชีให้ละเอียด แล้วผงชูรสและซอสลงไป
4.นำโครงไก่ที่สับไว้แล้วไปคลุกเคล้ากับเครื่องเทศให้ทั่ว
5.หมักทิ้งไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
การย่างโครงไก่
1.เมื่อหมักไก่ได้ที่แล้วขั้นตอนต่อมาก็คือการเสียบไก่ ซึ่งไม้ที่ใช้เสียบเป็นไม้ไผ่ผ่าส่วนที่ด้ามจับไม่ต้องผ่าให้มันขาดออกจากกัน ความยาวของไม้เสียบอยู่ที่ประมาณ 6 นิ้ว ทั้งนี้เพื่อให้เสียบโครงไก่ได้ประมาณไม้ละ 3 ชิ้น(มีขายในตลาด)
2.หลังจากเสียบโครงไก่ได้แล้วให้นำลวดมามัดที่ปลายไม้ให้แน่นเพื่อไม่ให้โครงไก่ร่วง
3.หลังจากนั้นนำโครงไก่ไปย่างขายด้วยเตาถ่าน ควรใช้ไฟปานกลาง คือไม่ร้อนจนเกินไปจะทำให้ไก่ไหม้ไม่น่ารับประทาน
หากโครงไก่ไหม้ควรใช้กรรไกรแต่งส่วนที่ไหม้ออกเพื่อให้ดูน่ารับประทาน
4.ควรหมั่นกับไก่เพื่อให้ไก่สุกโดยทั่วถึง โดยการสังเกตง่ายๆคือ สีของโครงจะมีสีเข้ม น้ำที่ซึมออกจากเนื้อไก่เริ่มน้อยลง จนกระทั่งเกือบแห้ง จากนั้นลองฉีกเนื้อไก่ดู จะพบว่าเนื้อที่อยู่ภายในแห้งสนิท จึงถือว่าการย่างโครงไก่เสร็จแล้ว
งบประมาณที่ใช้ในการลงทุน
ในระยะแรกเราไม่รู้ว่าจะมีลูกค้ามากน้อยเท่าใด ดั้งนั้นในระยะเริ่มแรกควรลงทุนแต่น้อยก่อน คือโครงไก่ประมาณ 10 กิโลกรัมก็น่าจะพอ ราคาประมาณ 200 บาท ทำย่างได้ 150 ไม้ ขายไม้ละ 5 บาทจะมีรายได้ 750 บาท หลังจากหักต้นทุนแล้วจะมีกำไรประมาณ 350 บาท หากการให้มีรายได้เพิ่มควรขายกับข้าวเหนียวนึ่ง โดยทำขายเป็นถุงๆละ 5 บาท หรือขายร่วมกันกับไส้กรอกอีสาน แหนม หมูปิ้ง อย่างที่เคยนำเสนอไปแล้วนั้นก็ได้ เพราะเป็นอาชีพที่ต้นทุนต่ำกำไรงามเหมือนกัน.

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขนมเครปญี่ปุ่นทำง่ายกำไรเดือนละ20,000บาท

หลายท่านอาจกำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ หลายท่านตกงานกำลังคิดอยู่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรดี เครปญี่ปุ่นก็เป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะรายได้ดีเลยทีเดียว เครปญี่ปุ่น ชิ้นละ 10-25 บาท ต้นทุนประมาณชิ้นละ 2 บาท สามารถมีกำไรชิ้นละ 8-15 บาท ในแต่ละวันหลากเลือกทำเลดีๆ เช่นหน้าโรงเรียน ตลาดนัด ที่ชุมชน จะมีกำไรวันละไม่ต่ำกว่า 500 - 1000 บาท หรือเดือนละ 15,000 -20,000 บาท
เครื่องปรุงขนมเครปญี่ปุ่น
แป้งสาลี ไข่ไก่ นมสด เกลือป่น น้ำตาล
อัตราส่วนการผสมแป้ง
-แป้งสาลีควรใช้อย่างดี ปริมาณ 1,000 กรัม
-ไข่ไก่ จำนวน 4 ฟอง
-นมสด 4 กระป๋อง
-เกลืออย่างดี 1/5 ช้อนชา
-น้ำตาลทรายละเอียด ปริมาณ 50 กรัม
ใส้ขนมเครปญี่ปุ่น
ขนมเครปญี่ปุ่นมีทั้งใส้หวาน ใส้เค็ม
สำหรับใส้เครปญี่ปุ่นหวานมีให้เลือกหลายแบบหลายชนิด เช่น
สตรอเบอรี่ ผิวส้ม ซุปข้าวโพด ชอคโกแลต กล้วยหอม ถั่วแดง
ไส้เครปญี่ปุ่นแบบเค็ม
แฮม หมูหยอง มายองเนส ไส้กรอก มะเขือเทศ
วิธีการทำขนมเครปญี่ปุ่น
คราวนี้มาดูการทำขนมเครปญี่ปุ่น ซึ่งมีขั้นตอนการทำง่ายไม่ยุ่งยากอะไรเลย เรามาลองดูว่าขนมเครปญีปุ่นเขาทำกันอย่างไร
- ตอกไข่ไส้ภาชนะ เราใช้ทั้งไข่แดง
-นำไปใส่ในเครื่องตีแป้ง หากไม่มีเครื่องตีแป้ง เราอาจใช้มือตีก็ได้ แต่อาจใช้เวลานานสักหน่อย
-ใส่น้ำตาลและเกลือ จากนั้นใช้มือตีแป้งโดยใช้ความเร็วมากนัก ไม่ต้องให้ขึ้นฟอง ให้น้ำตาลกับแป้งเข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมนมสด
- เติมแป้งสาลี
-ตีเครื่องผสมให้เข้ากันหากว่าใช้เครื่องปั่นจะเป็นการดี จากนั้นเทใส่ภาชนะบรรจุ นำมาใช้การเลยได้ทันที
การเทแป้งลงกระทะ
ความร้อนที่ใช้อยู่ในระดับปานกลาง จะใช้ไฟแรงไม่ได้เป็นอันขาด เพราะจะทำให้ขนมไหม้ หากใช้ไฟอ่อนเกินไป ขนมจะด้านรับประทานไม่อร่อย
สำหรับผู้ที่มีเตาไฟฟ้า อย่างดีที่สามารถปรับแต่งความร้อนได้ ให้ตั้งไว้ที่ 150 องศา อย่าให้ร้อนมากกว่านี้ ความร้อนที่สม่ำเสมอจะทำให้ขนมเรียบน่ารับประทาน
(เตาไฟฟ้าและเครื่องปั่นสามารถสั่งซื้อได้ที่ Laazada.com)
เทคนิคการเทแป้ง
เทแป้งลงบนเตาแล้วใช้ไม้พายเกลี่ยแป้งโดยการหมุน 2-3 รอบโดยไม่ยกไม้เครป เพื่อให้แป้งออกมาเป็นรุปวงกลม
จากนั้นทามาการีนบางๆ ให้มีกลิ่นหอม
การใส่ไส้
เป็นขั้นตอนเกือบจะสุดท้าย นั่นคือเมื่อลูกค้าเลือกไส้ที่ต้องการเราก็ใส่ไส้ที่ด้านเพียงครึ่งด้าน
ม้วนขนม
เมื่อใส่ไส้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการม้วนขนมเครป วิธีทำคือสังเกตดูขนมใช้การได้หรือยัง ขอบของขนมเครปจะมีสีเหลืองเกรียมนิดหน่อย จากนั้นใช้ไมพายแซะดู เมื่อเห็นว่าใช้การได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการพับเครปญี่ปุ่น ซึ่งเราต้องจะพับครึ่งด้านล่างไปด้านบน แล้วพับจากขวาไปทับซ้าย ซ้ายทับขวา จากนั้นนำใส่ซองสามเหลี่ยมก็เป็นอันเสร็จวิธีการทำขนมเครปญี่ปุ่น
































วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรไส้อั่วอาหารเหนือที่อร่อยไม่แพ้ไส้กรอกอีสาน

จากที่เคยนำเสนอ การทำไส้กรอกอีสานซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการแปรรูปอาหารของทางภาคอีสานไปนั้น ครั้งจะขอนำเสนออาหารของทางภาคเหนือกันบ้าง ไส้อั่วเป็นอาหารที่ใส่ไส้ลักษณะคล้ายๆกัน แต่รสชาติและเครื่องปรุงจะรุนแรงกว่า และเครื่องปรุงยังแตกต่างออกไปออกไปอีกด้วย เรียกว่าอร่อยกันคนละอย่าง
ไส้อั่วที่ทำสำเร็จแล้วจะตัดชั่งขายกันเป็นขีดหรือขายเป็นชิ้น ราคาชิ้นละประมาณ 20-30 บาท ราคาจะแพงกว่าไส้กรอกอีสานมาก อาจจะเป็นเพราะว่าใช้เนื้อและเครื่องปรุงเยอะก็ได้
เครื่องปรุงไส้อั่ว
เนื้อหมูติดมัน สับพอหยาบๆ 2.5ถ้วยตวง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ไส้หมูล้างสะอาด
ใบมะกรูด ต้นหอม ตะไคร้ ผักชี เล็กน้อย
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องน้ำพริกไส้อั่ว
พริกแห้งเม็ดใหญ่ผ่าเม็ดออก 7 เม็ด
ข่า 3 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 6 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
กระปิอย่างดี 1 ช้อนชา
รากผักชี 1 ช้อนชา
ขมิ้นชันเล็กน้อย
เกลือป่นเล็กน้อย
การทำไส้อั่ว
· โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด
· หั่นใบมะกรูด ต้นหอม ผักชี แค่พอหยาบๆ
· เคล้าเนื้อหมูกับพริกแกงน้ำปลา ให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูด ต้นหอมผักชี ลงไปเคล้าให้เข้ากัน
· นำส่วนผสมทั้งหมดยัดใส่ไส้หมูที่เตรียมไว้อย่าให้แน่นมากนักมัดหัวท้ายด้วยเชือกกล้วยให้เรียบร้อย
· ทอดหรือย่างให้สุก ใช้ไม้แหลมแทงตามไส้ไปด้วย จะได้ไม่แตก
· เมื่อเห็นว่าหอมและสุกดีแล้ว ยกออกพักให้คลายร้อน หั่นเป็นชิ้นหรือท่อน จัดใส่ภาชนะกินกับผักสด
ไส้อั่วจะกินเป็นอาหารว่าง กับข้าว หรือกับแกล้มก็ได้ กินกับผักสดโดยเฉพาะผักที่แช่เย็นๆจะอร่อยมาก
ไส้อั่วที่ดีและอร่อยต้องทำใหม่ๆ มีกลิ่นเครื่องเทศจัด ผู้ที่ขายไส้กรอกอีสาน แหนมย่าง น่าจะลองทำไส้อั่วขายควบคู่กันไปด้วยก็ดีเหมือนกัน

























วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรการทำแหนมให้อร่อยน่ารับประทาน

แหนมเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แหนมสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่างเ ช่น แหนมย่าง แหนมทอด ยำแหนม ข้าวผัดแหนมเรามักพบเห็นแม่ค้านำแหนมมาย่างขายคู่กับไส้กรอกอีสาน ใส้อั่ว ขายอยู่ทั่วไป เนื่องจากวิธีการทำไส้กรอกอีสาน ใส้อั่วและแหนมไม่ต่างกันมากนัก และผักแกล้มที่รับประทานสามารถใช้ร่วมกันได้ อีกทั้งต้นทุนในการทำแหนมไม่สูงมากนัก ใครที่ว่างงานคิดจะทำเป็นรายได้เสริมก็ได้ เนื่องจากปัจจุบันคนนิยมรับประทานแหนมย่างกันมากขึ้น
ส่วนประกอบในการทำแหนม
หนังหมู 2 ก.ก. เนื้อหมูบด 1 กก.กระเทียม ½ กก. เกลือ 2 ช้อนชา พริกขี้หนู ผงชูรส 2 ช้อนชา (ได้แหนมประมาณ 60 ห่อ)
ขั้นตอนการทำแหนม
· นำหนังหมูไปต้มให้สุกพอประมาณ แล่เอาไขมันออกเหลือแต่หนังนำหนังมาหั่นเป็นชิ้นบางๆยาวประมาณ2นิ้ว
· หากะละมังใหญ่พอสมควร 1 ใบใส่ส่วนผสมหนังหมู หมูบด กระเทียม เกลือ ข้าวสวย และผงชูรสลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนได้ที่
· ปั้นเป็นก้อนโดยกะด้วยสายตาให้ก้อนแหนมแต่ละก้อนมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว หนา 1 นิ้ว กว้าง1นิ้วครึ่ง
เอาพริกขี้หนูสดแปะเข้า จากนั้นเอาใบตองมาห่อ โดยใช้ใบตองประมาณ 4-5 ชั้น
ใช้หนังยางรัดเป็นเปาะ หัวท้าย 2 จุด จากนั้นผูกเชือกนำไปแขวนทิ้งไว้ ประมาณ 1 คืน ก็สามารถนำมารับประทานหรือย่างขายได้
ผักแกล้ม ได้แก่ แตงกวาหั่นเป็นท่อนบางๆ กระหล่ำปลี พริกขี้หนูสด
หมายเหตุ:แหนมเมื่อย่างขาย คิดราคาลูกละ 10 บาท หักต้นทุนค่าวัตถุดิบแล้วจะเหลือกำไรประมาณ 300 บาท ซึ่งนับว่าดีเลยทีเดียว หากทำปริมาณมากหรือขายคู่กับไส้กรอกอีสานด้วยแล้วละก้อรับรองเงินไม่ขาดมืออย่างแน่นอน









วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขายอะไรให้รวยเป็นล้าน?

 
ขายอะไรให้รวยเป็นล้าน? ขายอะไรดีเรามีอาชีพของเทวดามาแนะนำบ้างเผื่อใครมีไอเดียจะนำไปต่อยอดเป็นอาชีพก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าขายแล้วไม่รวยจริงเทวดาคงไม่ทำหรอกจริงไหม เทวดาขายกล้วยทอด อาชีพเงินล้านวันนี้คือ กล้วยทอดเงินล้าน
สูตรกล้วยทอดเงินล้าน
กล้วยน้ำหว้า 5 หวี แป้งข้าวเจ้า1/2 กก. แป้งมัน น้ำตาลทราย1/2 กก. เกลือ 1 ถุงเล็ก มะพร้าวขูด1/2 กก.
น้ำปูนใส1/2ถ้วย มะพร้าวขูด1/2 กก.
เทคนิคเงินล้าน

  • · เทแป้งและส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วเติมน้ำเปล่า อย่าให้เหลวหรือข้นเกินไป เวลาชุบกล้วยจะได้ติดและออกมาสวย
  • · ใส่น้ำมันพืชลงไปเต็มกระทะ พอน้ำมันร้อนเอากล้วยที่ปลอกแล้วผ่าลูกละ4ชิ้นชุบแป้งแล้วทอดจนสุกเหลืองแล้วตักขึ้น ใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
  • เคล็ดลับเงินความรวย


  • · ควรเลือกกล้วยที่ไม่สุกเกินไป
  • · น้ำมันที่ทอดต้องร้อนจัด เปิดไฟให้แรงช่วงแรก เมื่อใส่กล้วยชุบแป้งลงกระทะแล้วหรี่ไฟลงปานกลาง พอกล้วยเต็มกระทะใช้ไม้เขี่ยไม่ให้ติดกัน เมื่อกล้วยทอดสุกทั่วกันแล้วตักขึ้น
  • · นอกจากกล้วยแล้วยังมีมัน เผือก ก็สามารถนำมาทอดได้เช่นกัน

แนวคิดและการต่อยอดธุรกิจให้รวยเป็นล้าน

  • · เลือกและออกบรรจุภัณฑ์ให้น่ารัประทานอย่าลืมติดเบอร์โทรและชื่อร้านที่ลงไปด้วย(โปรโมทไว้ก่อนเดี๋ยวดีเอง)
  • · เลือกทำเลที่เหมาะสมมีคนพลุกพล่าน เช่น ตลาดนัด หรือ แหล่งชุมชน โรงเรียน
  • · นำเสนอและโปรโมทการใช้สื่อออนไลน์ต่างเป็นประโยชน์เช่น facebook twitter สร้างแบรนด์
  • · สร้างเอกลักษณ์หรือในการขาย เช่น เทวดาขายกล้วยทอด ไม่ว่าจะขายหมูปิ้ง ปลาหมึกย่าง ใส้กรอกอีสาน ใส้กรอกวุ้นเส้นน้ำส้มเกล็ดหิมะ หอยทอด หรืออีกหลายๆอาชีพก็สามารถรวยเป็นล้านเหมือนกัน
















วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ใส้กรอกวุ้นเส้นทำง่ายรายได้ดี

 
ใส้กรอกวุ้นเส้น หลายท่านชอบรับประทาน ใส้กรอกวุ้นเส้นสามารถพบได้ทั่วไป ซึ่งแม่ค้าย่างขายด้วยไฟอ่อนๆกลิ่นหอมน่ารับประทานยิ่งนัก ใส้กรอกวุ้นเส้นเป็นอีกหนึ่งเมนูความอร่อยที่สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน ใส้กรอกวุ้นทำไม่ยากอย่างที่คิดแล้วก็สามารถเก็บไว้ได้นานด้วย สูตรนี้ใส่หนังหมูลงไปด้วยทำให้ได้ความกรุบกรอบเวลากินมากยิ่งขึ้น ชอบรสชาติแบบไหนปรุงกันได้ตามใจชอบครับ ใส้กรอกวุ้นเส้นสามารถทำขายเป็นอาชีพได้เป็นอย่างดีลงทุนประมาณ 1000บาทก็สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว
เครื่องปรุงใส้กรอกวุ้นเส้น
1. หมูเนื้อแดงปนมันเล็กน้อย (สับหยาบๆ) 2 กิโลกรัม
2. หนังหมู (ต้มสุก-ซอย) 4 ถ้วย
3. กระเทียม 4 ถ้วย
4. รากผักชี 6 ช้อนโต๊ะ
5. พริกไทย 4 ช้อนโต๊ะ
6. ข้าวสุก 8 ถ้วย
7. เกลือ 4 ช้อนชา
8. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลทราย 4 ช้อนชา
10. ไส้หมู (ไส้ขม) 1/2 กิโลกรัม
11. ผักเคียง กะหล่ำ พริกขี้หนู ขิง หรือมะละกอดอง
12.วุ้นเส้นสด 1 ถุง (500 กรัม)
อุปกรณ์
กรวยสำหรับกรอก ไม้ปลายแหลม เชือก
วิธีทำใส้กรอกวุ้นเส้น
1. การล้างใส้หมู
- ล้างรีดไขมันออกให้หมด กลับด้านล้างเอาด้านในออกมา ใช้ช้อนขูดเมือกออกให้หมด
- ขยำเกลือเร็วๆ (ระวังใส้ขาดทะลุ) ล้างน้ำทิ้ง ขยำกับแป้ง (แป้งมัน/แป้งสาลี) ล้างน้ำทิ้ง
-กลับไส้ล้างด้านนอกอีกที แช่น้ำเกลือเก็บไว้
2. หั่นวุ้นเส้นเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร
3. โขลกรากผักชี พริกไทยให้ละเอียด ใส่กระเทียม โขลกพอแตกหยาบๆ ใส่กะละมัง ผสมกับเนื้อหมู หนังหมู นวดให้เข้ากัน ใส่ข้าวสุก ดมกลิ่นดู ให้ได้กลิ่นพริกไทยอ่อนๆ ถ้ามีกลิ่นน้อย ให้เติมพริกไทยลงไปอีก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำตาลทราย นวดสัก 10 นาที เคล้าและขยำให้เข้ากัน
4. ใส้หมูตัด ผูกปลายไว้หนึ่งด้านด้วยเชือก อีกด้านหนึ่งใส่ปากกรวย ค่อยๆ ใส่หมูที่นวดไว้ บีบใส้ไล่ลงไปตรงปลาย ตักเครื่องใส่จนเต็ม อย่าให้แน่นเกินไป มัดเป็นข้อๆ สั้นยาวตามความต้องการ
5. ใช้ไม้จิ้มไล่อากาศออก ถ้าต้องการให้มีไส้กรอกมีรสเปรี้ยว ให้นำไปแขวนทิ้งไว้ 1 วัน
5. นำไปย่าง เตาถ่าน ด้วยไฟอ่อน ให้เหลืองน่ารบประทาน รับประทานกับ ขิง พริกขี้หนู กะหล่ำ








คอหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว รสเด็ดน่ารับประทาน

คอหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว รสเด็ดน่ารับประทาน

วันนี้นำสูตรคอหมูย่างมาฝาก คอหมูย่างทำเป็นอาหารหรือเป็นกับแกล้มเหล้าของคอสุราได้เป็นอย่างดีท่านใดสนใจจะนำไปประกอบอาชีพขายคอหมูย่างก็ได้ซึ่งเราสามารถพบคอหมูย่างได้โดยทั่วไปเช่นตลาดนัดหรือทำเลที่มีคนพลุกพล่านสักหน่อย ขอเพียงตั้งใจทำก็สามารถยึดอาชีพได้

เครื่องปรุง
เนื้อสันคอหมูแล่ส่วนมันออกบ้าง 5 ก.ก.
น้ำตาลปี๊บ 10 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 20 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 3 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
เหล้า 10 ช้อนโต๊ะ

น้ำจิ้มคอหมูย่าง
น้ำมะขามเปียกต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 10-20 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 10 หัว
ต้นหอม ผักชีฝรั่งซอย 10 ช้อนชา
น้ำมะนาว 5ช้อนชา
พริกป่น 5 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 10 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 10 ช้อนชา
วิธีทำ
1.  สันคอหมูแล่เป็นชิ้นสำหรับย่าง
2.  ผสมน้ำตาลปี๊บ ซอสหอยนางรม พริกไทยป่น เกลือ เหล้า เข้าด้วยกัน ลองแตะลิ้นชิมดู อย่าให้เค็มหรือหวานมากจนเกินไป
3.  นำหมูที่แล่ไว้มาเคล้านวดเล็กน้อย เพื่อให้ส่วนผสมเข้าเนื้อหมูหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
4.  นำไปย่างไฟกลางค่อนข้างอ่อนจนสุกเหลือง นำมาหั่นเป็นชิ้นบางพอคำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม
5.  น้ำจิ้ม ผสมน้ำตาลปิ๊บ น้ำปลา น้ำมะขามต้มสุก เข้าด้วยกัน ลองชิมดูให้ได้รสเค็ม เปรี้ยว หวาน (เผื่อรสเปรี้ยวไว้หน่อยเพราะจะต้องใส่น้ำมะนาวอีก) ใส่พริกป่น ข้าวคั่วคนให้เข้ากัน ใส่หอมแดงซอย ต้นหอม ผักชีฝรั่งซอยคนให้เข้ากันเสิร์ฟหรือขายพร้อมคอหมูย่าง

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หอยทอดอาหารไทยรายได้ดี


หอยทอด
หอยทอดอาหารไทยอีกเมนูหนึ่ง ที่สามารถนำมาทำเป็นอาชีพค้าขายได้อย่างดี หอยทอดเป็นอาหารที่นิยมของคนไทยมานาน ทำให้ทุกวันนี้เรามักพบการประกอบอาชีพขายหอยทอดกันทั่วไป วันนี้เรามีสูตรเด็ดของหอยทอดมาแนะนำอีกเช่นเคย


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* หอยแมลงภู่ 10 - 15 ตัว
* ไข่ไก่ 1 ฟอง
* แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
* แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
* กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 1/2 ช้อนชา






* ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
* ถั่วงอก 1/2 ถ้วยตวง
* พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
* ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันพืช
* ผักชี (สำหรับแต่งอาหาร)





เครื่องปรุงน้ำจิ้ม :
* ซ๊อสพริก 1/4 ถ้วยตวง, น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ,
เกลือ 1/4 ช้อนชา, น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ,
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ล้างหอยแมลงภู่ในน้ำสะอาด จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือดจนเกือบสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ แกะเปลือกออกเตรียมไว้
2. ในชามขนาดกลาง, ผสมแป้งมัน, แป้งข้าวเจ้า, น้ำปูนใสและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นเทน้ำแป้งลงในกระทะและใส่หอยแมลงภู่ลงไป อย่าคนหรือพยายามกลับหน้าจนกว่าจะเกือบสุก
4. ใส่ไข่ไก่ลงไปบนแป้งในกระทะ ทอดจนเหลืองกรอบจึงกลับหน้าไปทอดอีกข้าง เมื่อสุกทั่วแล้วจึงปิดไฟ และตักใส่จานเสริฟ
5. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมและผัดจนหอม จากนั้นจึงใส่ถั่วงอก, ต้นหอม, ซิอิ๊วและน้ำตาลลงไป ผัดจนส่วนผสมเข้ากันและสุกทั่ว จึงตักใส่จานเสริฟ (ข้างหอยทอดที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วในขั้นตอนที่ 4)
6. เหยาะพริกไทลงไปนิดหน่อยและแต่งหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีขณะยังร้อนพร้อมน้ำจิ้มที่เตรียมไว้
วิธีการทำน้ำจิ้ม : ผสมเครื่องปรุงน้ำจิ้มในหม้อเล็กๆ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนเดือด จากนั้นจึงตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มเตรียมไว้










วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

หมูปิ้งอร่อยได้ทุกเวลา

       หมูปฺิ้งอาหารอร่อยอีกชนิดหนึ่งที่เรานึกถึงเวลาหิวได้ทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ
อร่อยอย่าบอกใครเชียววันนี้เรามีสูตรเด็ดมาแนะนำ (ลงทุนไม่เกิน 1000 บาท)
       ส่วนผสมของหมูปิ้ง
สันคอหมู 2 กิโลกรัม
ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 6 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 8 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
นมสด 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีกระเทียมพริกไทย 6 ช้อนโต๊ะ
       วิธีทำหมูปิ้ง
1.หั่นสันคอหมูที่เตรียมมาเป็นชิ้นบาง ประมาณ 1/2 เซนติเมตร
2.หมักด้วยเครื่องปรุงที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
3.นำไม้มาเสียบ แล้วนำไปย่างไฟจนสุก
4.นำใส่จานทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

สูตรอาหารใส้กรอกอีสานสูตรเด็ด


ใส้กรอกอีสาน อีกหนึ่งเมนูความอร่อยที่สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน ถูกใจ ลองมาทานกันเองที่บ้านครับ ทำไม่ยากอย่างที่คิดแล้วก็สามารถเก็บไว้ได้นานด้วย สูตรนี้ใส่หนังหมูลงไปด้วยทำให้ได้ความกรุบกรอบเวลากินมากยิ่งขึ้น ชอบรสชาติแบบไหนปรุงกันได้ตามใจชอบครับ ใครชอบวุ้นเส้นก็สามารถใส่วุ้นเส้นลงไปด้วยได้สามารถทำขายเป็นอาชีพได้เป็นอย่างดีลงทุนประมาณ 1000บาทก็สามารถประกอบอาชีพได้แล้วครับ


เครื่องปรุงไส้กรอกอีสาน
1. หมูเนื้อแดงปนมันเล็กน้อย (สับหยาบๆ) 1 กิโลกรัม
2. หนังหมู (ต้มสุก-ซอย) 2 ถ้วย
3. กระเทียม 2 ถ้วย
4. รากผักชี 3 ช้อนโต๊ะ
5. พริกไทย 2 ช้อนโต๊ะ
6. ข้าวสุก 4 ถ้วย
7. เกลือ 4 ช้อนชา
8. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
10. ไส้หมู (ไส้ขม) 1/2 กิโลกรัม
11. ผักเคียง กะหล่ำ พริกขี้หนู ขิง
อุปกรณ์
กรวยสำหรับกรอก ไม้ปลายแหลม เชือก
วิธีทำใส้กรอกอีสาน
1. การล้างใส้หมู
– ล้างรีดไขมันออกให้หมด กลับด้านล้างเอาด้านในออกมา ใช้ช้อนขูดเมือกออกให้หมด ขยำเกลือเร็วๆ (ระวังใส้ขาดทะลุ) ล้างน้ำทิ้ง ขยำกับแป้ง (แป้งมัน/แป้งสาลี) ล้างน้ำทิ้ง กลับไส้ล้างด้านนอกอีกที แช่น้ำเกลือเก็บไว้
2. โขลกรากผักชี พริกไทยให้ละเอียด ใส่กระเทียม โขลกพอแตกหยาบๆ ใส่กะละมัง ผสมกับเนื้อหมู หนังหมู นวดให้เข้ากัน ใส่ข้าวสุก ดมกลิ่นดู ให้ได้กลิ่นพริกไทยอ่อนๆ ถ้ามีกลิ่นน้อย ให้เติมพริกไทยลงไปอีก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำตาลทราย นวดสัก 10 นาที เคล้าและขยำให้เข้ากัน
3. ใส้หมูตัด ผูกปลายไว้หนึ่งด้านด้วยเชือก อีกด้านหนึ่งใส่ปากกรวย ค่อยๆ ใส่หมูที่นวดไว้ บีบใส้ไล่ลงไปตรงปลาย ตักเครื่องใส่จนเต็ม อย่าให้แน่นเกินไป มัดเป็นข้อๆ สั้นยาวตามความต้องการ ใช้ไม้จิ้มไล่อากาศออก ถ้าต้องการให้มีไส้กรอกมีรสเปรี้ยว ให้นำไปแขวนทิ้งไว้ 1 วัน
4. นำไปย่าง เตาถ่าน ด้วยไฟอ่อน ให้หนังพอเกรียมกรอบ รับประทานกับ ขิง พริกขี้หนู กะหล่ำ





ปลาหมึกย่างรสเด็ด

 
         วันนี้จะมานำเสนอการทำปลาหมึกย่างสูตรเด็ดอร่อย ๆให้รับปะทานกันครับ เอาละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
การปลาหมึกย่างพร้อมน้ำจิ้มปลาหมึกรสอร่อย ทำกินเองหรือทำขายเป็นอาชีพเสริมก็มีสิทธิ์รวยได้เหมือนกันครับ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 บาท ก็สามารถขายปลาหมึกย่างได้แล้ว
ปลาหมึกย่างเป็นอาหารทะเลที่คนนิยมทานกันมาก การจะทำหมึกย่างให้อร่อยต้องประกอบไปด้วย หมึกที่สดใหม่ + น้ำจิ้มที่เข้มข้นเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน จี๊ดจ๊าดสไตล์น้ำจิ้มซีฟูดส์
เอาละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่
      1.หาซื้อปลาหมึกสด ที่ตลาด ให้เลือกที่สด ๆ เลือกที่ตัวสีม่วง ๆ คล้ำ ๆ ถ้าเลือกได้นะ ส่วนตัวขาว ๆ แสดงว่าอยู่กับแม่ค้ามานาน
      2.วิธีล้างเพื่อไม่ให้ปลาหมึกเค็ม เพราะตอนที่เขาเอามาจากเรือเขาจะแช่เย็นและลงเกลือมา ถ้าเราไม่ล้างเอาความเค็มออก ปลาหมึกเราจะเค็ม วิธีการคือ เค็ม ตัด เค็ม โดยการที่เราเอาเกลือ 2 กำมือ ต่อปลาหมึก 1 กก ใส่รวมกันใส่น้ำ 1 ขันล้างโดยการตีฟอง ความเค็มที่ตัวปลาหมึกจะออกมาเอง ทำแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง สังเกต ฟองของน้ำลดลง
      3. ให้นำสารส้ม มาล้างที่ตัวปลาหมึก จะบดผสมน้ำ หรือ เอามาขัดตามตัวปลาหมึกก็ได้ จะช่วยให้ปลาหมึกของเราไม่มีกลิ่นคาว
     4.ให้เอาปูนขาว (ปูนกินหมากนะ ไม่ใช่ ปูนซีเมนต์) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1-2 ขัน หลังจากนั้นให้เอา ปลาหมึกไปแช่น้ำปูน เวลาย่างปลาหมึกจะกรอบอร่อย
    5. นำปลาหมึกไปหมัก น้ำเปล่า ที่เรา ผสม ซีอิ๋วดำ กับผงขมิ้น เพื่อให้สีเหลืองน่ารับประทาน
..
        การเก็บปลาหมึกให้สดนาน
1. แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง
2.อย่าแช่ปลาหมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก
        อุปกรณ์ในการหั่นปลาหมึก
1.มีด 2. เขียง 3. กะละมัง 4. ตะกร้า 5. เกลือ 6. สารส้ม
อุปกรณ์ในการทำปลาหมึกย่างได้แก่ เช่น เตาย่าง ถาด ตะแกรง มีด เขียงไม้เสียบปลาหมึก ถุงพลาสติก เป็นต้น
การทำความสะอาดปลาหมึกก่อนย่าง
หนวดหมึก ส่วนที่อร่อยที่สุด
หนวดปลาหมึกเป็นส่วนที่นิยมกินกันมาก มาดูวิธีเตรียมหนวดปลาหมึก ล้างทำความสะอาดหนวดปลาหมึก เอาปลาหมึกใส่กะละมัง เปิดน้ำให้ท่วมปลาหมึก แล้วใส่เกลือ 2ื-3 ช้อนโต๊ะอย่าใส่มากทำให้เนื้อปลาหมึกเค็ม หลังจากใส่เกลือแล้ว ใช้มือคนแรงๆ
จนเกิดฟอง แล้วค่อยล้างยน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง ล้างจนน้ำเกลือและกลิ่นคาวปลาออกหมด จากนั้นค่อยหั่นหนวดปลาหมึก ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ หรือเล็กใหย่แล้วแต่ราคาที่ขาย
        การล้างปากปลาหมึก 
     แกะเขี้ยวปลาหมึกออกก่อน โดยสังเกตุจะมีสีดำๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำเกลือ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า ล้างจนสะอาดและหมดเกลือ
การล้างไข่ปลาหมึก
ไข่ปลาหมึกจะมีลักษณะเป็นวุ้นใสๆ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และต้องเบามือมากๆ ต้องระมัดระวังไข่
เพราะแตกง่าย แต่กำไรดีมาก รสชาติอร่อย
   1. แกะกระดูกแข็งๆออกก่อน
   2. ล้างด้วยน้ำเปล่า1 ครั้งก่อน
   3.จากนั้นให้ล้างด้วยสารส้ม โดยใส่สารส้มลงในกะละมัง สารส้มจะทำให้ไข่ปลาหมึกแข็งขึ้น ไม่เละ
การล้างตัวปลาหมึก
        การเสียบปลาหมึก
  - การเสียบหนวดปลาหมึกการเสียบปลาหมึกให้เสียบเนื้อโนหนวดไปก่อน 2-3 ชิ้นป้องกันการลื่นหลุด แล้วค่อนเสียบหนวดปลาหมึก ตั้งราคาขายไม้ละ 35 บาท
  -การเสียบไข่ปลาหมึก
ต้องขนาดไข่ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อความสวยงาม วิธีการเสียบ ถ้าไข่ปลาหมึกใหญ่ ให้เสียบ 3 ลูก ขนาดกลางเสียบ 4 ลูก ขนาดเล็กเสียบให้เต็มไม้
-การเสียบปากปลาหมึก
เลือกเสียบด้านข้างของปากให้เต็มไม้
-การเสียบตัวปลาหมึก
ต้องเสียบตามยาว จากท้ายไปหาหัวปลาหมึก ไม่ให้ไม้โผล่ออกมา

        สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด(ซีฟูด)
    สวนผสม

พริกแดง 165 กรัม
กระเทียมไทย 165 กรัม
น้ำตาลทราย 600 กรัม
ผงชูรส 2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
เกลือป่น 65 กรัม
รากผักชี 15 กรัม
น้ำมะนาว 1 ถ้วย (ใช้แบบขวดก็ได้)
วิธีทำ
1.ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำมะนาว ผงชูรสในภาชนะ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
2.ใส่รากผักชี กระเทียม พริกแดง มะนาว ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียดมากๆ
3.ที่ผสมแล้วในข้อ 1 ลงในโถปั่น ปั่นต่อให้เข้ากัน
4.จากนั้นค่อยใส่รากผักชี และบีบมะนาวสด
การเก็บรักษาน้ำจิ้มปลาหมึก
1. เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
2. เก็บในถังน้ำแข็งอยู่ได้นาน 10 วัน
***ควรปิดภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มให้มิดชิด


มาทำน้ำส้มเกร็ดหิมะกันไหม

            อากาศร้อนๆอย่างนี้มาลองทำน้ำส้มเกร็ดหิมะขายแก้ร้อนกันเถอะ ทำกินได้หรือใครมีไอเดียจะทำขายก็ไม่ว่ากัน           
            วิธีทำ
      ต้องเริ่มจากการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ คือส้มต้องเป็นส้มที่อยู่ในช่วงอายุของการเก็บจึงจะเป็นส้มที่ได้คุณภาพ และต้องทิ้งช่วงเวลาสักเล็กน้อยเพื่อให้ส้มคลายน้ำมันที่อยู่บนเปลือกออกมาบ้าง ที่ไม่ต้องการส้มสดมาก เพราะส้มที่สดมากจะมีน้ำมันที่เปลือกค่อนข้างมากและมีรสขม จะทำให้เวลาคั้นน้ำส้ม น้ำส้มที่ได้จะมีรสขม ถ้าทิ้งไว้ให้ส้มลืมต้นก่อนจะได้น้ำส้มที่ทั้งหอมและหวานกว่า หลังจากนั้นนำผลส้มที่ได้มาล้างทำความสะอาด ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาคั้น
อุปกรณ์ที่ใช้ควรเป็นสแตนเลสทุกชนิดและควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นหลัก การคั้นก็มีส่วนในการได้น้ำส้มที่มีสีและรสชาติที่เป็นธรรมชาติ ถ้าหนักหรือเบาเกินไปอาจจะทำให้ได้น้ำส้มที่มีสีและรสชาติที่ต่างออกไป การแต่งกลิ่นและสีสามารถทำได้ เช่น การแต่งกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ โดยการนำเอาผิวส้มที่มีเปลือกค่อนข้างเหลือง ซึ่งจะไม่ขมแต่มีกลิ่นหอมมาปั่นในเครื่องปั่นมูรีเน็ก ผสมในอัตราส่วน 1:1 แล้วเทผสมลงในน้ำส้มจะได้กลิ่นส้มที่เป็นธรรมชาติ
น้ำส้มที่คั้นแล้ว 1 ก.ก. เกลือ 20 กรัม เกล็ดมะนาว 20 กรัม น้ำเชื่อม 2.7 ก.ก. น้ำแข็งยูนิต 1 กระป๋องสแตนเลส เบอร์ 17 สี กลิ่น สามารถแต่งได้ แต่อย่าให้เกินความเป็นจริง
        การทำน้ำเชื่อม
    น้ำตาลทราย 25 ก.ก. ต่อน้ำสะอาดประมาณ 10 ลิตร ละลายให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด จนใส
น้ำเชื่อมถ้าเหลือสามารถเก็บไว้ใช้ในคราวต่อไปได้
          วิธีผสม
    ใส่น้ำแข็งลงในถังที่ใช้ทำไอศกรีม ตามด้วยส่วนผสมทั้งหมด แล้วปั่นให้ละเอียดจนขึ้นฟู
น้าส้มเกล็ดหิมะที่ได้ควรเก็บไว้ในกระติกไอศกรีมจะดีกว่าใส่กระติกน้ำแข็งธรรมดา
ในการปั่นแต่ละครั้งถ้าต้องการความหอมและความเข้มข้น สามารถเพิ่มหัวเชื้อน้ำส้มยี่ห้อ ควีน ลงไปสัก 1-2 กระบอก ก็จะมีสีสันและความหอมเพิ่มขึ้นมาก